1. พุทธจริยา หมายถึงอะไร
พระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์
3 ประการ ได้แก่
โลกัตถจริยา ญาตัตถจริยา และพุทธัตถจริยา
2. โลกัตถจริยา หมายถึงอะไร
พระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์
3 ประการ ได้แก่
โลกัตถจริยา ญาตัตถจริยา และพุทธัตถจริยา
3. ตางรางพุทธกิจ 5 ประการ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. พุทธกิจภาคเช้า คือ การออกบิณฑบาตและแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์
2. พุทธกิจภาคบ่าย
คือ การแสดงธรรมโปรดประชาชน
3. พุทธกิจยามที่ 1 ของราตรี คือ
ประทานโอวาทและตอบปัญหาให้กรรมฐาน
แก่พระสงฆ์
แก่พระสงฆ์
4. พุทธกิจยามที่ 2 ของราตรี คือ ทรงตอบปัญหาให้แก่เทวดาที่มาขอเฝ้า
5. พุทธกิจยามที่ 3 ของราตรี คือ ทรงพิจารณาสอดส่องเลือกสรรว่า
วันต่อไปมีบุคคลใดบ้างที่ควรเสด็จไปโปรด
4. พุทธจริยาที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญในข้อญาตัตถจริยา
ได้แก่อะไรบ้าง
การที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระญาติ เช่น เมื่อครั้งที่เสด็จไปกรุงกบิลพัสดุ์ ได้ทรงแนะนำให้พระญาติที่กำลังจะทำสงครามแย่งชิงน้ำในแม่น้ำโรหิณีได้เข้าใจเหตุผล
จนสามารถปรองดองกันได้ เป็นต้น
การบริหารและธำรงรักษาพระพุทธศาสนา
ระยะเริ่มแรก
การบริหารยังคงขึ้นอยู่กับพระพุทธเจ้าโดยตรง
ทรงมอบหมายให้พระเถระรับผิดชอบงานตามความรู้ความสามารถ
ระยะสอง
เมื่อพระสงฆ์เพิ่มขึ้น
พระพุทธเจ้าได้ทรงมอบหมายให้พระอุปัชฌาย์เป็นผู้รับผิดชอบดูแลบนพื้นฐานความเห็นชอบของสงฆ์
ระยะสาม
เมื่อมีผู้เข้ามาบวชเพิ่มมากขึ้นและกระจายไปอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ
การอยู่ร่วมกันในอารามจึงต้องมีผู้บริหารดูแล ได้แก่ เจ้าอาวาสและคณาจารย์
เป็นผู้รับผิดชอบให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในอารามนั้นๆ
ระยะสี่
เมื่อพระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้าไปยังดินแดนหรือประเทศต่างๆ
รูปแบบการบริหารก็จะมีเจ้าอาวาสเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยมีพระธรรมวินัยเป็นหลักในการบริหาร
ความสำคัญของพุทธบริษัทกับการธำรงรักษาพระพุทธศาสนา
พุทธบริษัท
ถือเป็นกำลังใจสำคัญในการธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ได้ โดยการศึกษา พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
การปฏิบัติตนและเป็นแบบอย่างอันดีโดยยึดมั่นในหลักธรรม
ของพระพุทธศาสนา ตลอดจนการร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ถูกย่ำยีจากคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
และผู้ที่ประสงค์ร้าย คอยมุ่งโจมตีพระพุทธศาสนา เหล่านี้เป็นของพุทธบริษัทพึงกระทำ เพื่อจรรโลงและรักษาพระพุทธศาสนา
.............................................................................................
ญาตัตถจริยา ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่พระญาติ เช่นการทรงมีพระพุทธานุญาตพิเศษ ให้พรญาติของพระองค์ ที่เป็นเดียรถีย์ (นักบวชภายนอกพระพุทธศาสนา) มาก่อน ให้เข้าบวชในพรุพุทธศาสนาได้ โดยไม่ต้องอยู่ติตถิยปริวาสก่อน (ติตถิยปริวาส คือ วิธีอยู่กรรมสำหรับเดียรถีย์ที่ขอบวชในพระพุทธศาสนา จะต้องประพฤติปริวาส (การอยู่ชดใช้หรืออยู่กรรม) ก่อน ๔ เดือน หรือจนกว่าพระสงฆ์พอใจจึงจะอุปสมาบทได้) หรือการที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงแนะนำให้พระญาติซึ่งกำลังจะทำสงครามกันได้เข้าใจในเหตุผล สามารถปรองดองกันได้
พุทธัตถจริยา ทรงทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้า เช่น ทรงวางสิกขาบทเป็นพุทธอาณา สำหรับควบคุมความประพฤติของผู้ที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ทรงแนะนำให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหน้าที่ของตน ทรงวางพระองค์ต่อผู้ที่เข้ามาบวชและแสดงตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา ในฐานะของบิดากับบุตร ผู้ปกครองกัลยาณมิตร ศาสดาผู้เอ็นดูเป็นต้น ตามสมควรแก่บุคคลและโอกาสนั้น ๆ จนสามารถประดิษฐานเป็นรูปสถาบันศาสนาสืบต่อกันมาได้
.......................................................................................................................................................
อ้างอิง http://www.dhammathai.org/buddha/g51.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น